|
|
ท่านผู้อ่านเห็นหัวข้อแล้วอาจสงสัยว่า "เรามีที่ดินอยู่แล้วควรต้องศึกษาหรือเปล่า ?" ผู้เขียนต้องขออภัยสำหรับผู้อ่านที่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอยู่แล้วครับ ถึงแม้จะมีที่ดินอยู่แล้ว แต่หากมีเงินก้อนเย็นๆวางไว้อยู่ ลองศึกษาดูก่อน ไม่แน่อาจจะได้ทางเลือกใหม่สำหรับท่าน แต่สำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อที่ดินเพื่อการปลูกสร้างบ้านควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
ปัจจุบันต้องยอมรับกันว่า นับตั้งแต่ปี 2530 ถึง 2532 ยุคสมัยที่มีนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้านั้น ทำให้ที่ดินทั่วประเทศที่มีราคาต่ำพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว นับจากนั้นมาราคาที่ดินสูงขึ้นและวงการอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างรวดเร็ว สำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงใดมาเพื่อปลูกสร้างบ้าน หากไม่พูดถึงราคาที่ดินแล้ว เราควรพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้
|
|
|
|
|
1. การเข้าถึงที่ดิน
ควรมีถนนหรือซอยทางเข้ากว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร จนถึงหน้าที่ดินของท่าน เพราะความกว้างของถนนหรือซอยที่กล่าวถึง รถบรรทุกสามารถวิ่งสวนทางกันได้ ถ้าได้ถนนหรือซอยที่กว้างกว่า 6 เมตร จะยิ่งเป็นผลดีต่อการเข้าถึงที่ดิน เพราะความเจริญจะขยายตัวได้ง่ายบนถนนที่กว้าง อีกทั้งราคาขายต่อยังคงสูงขึ้นได้ง่ายกว่าอีกด้วย
ถนนหรือซอยหน้าที่ดินนี้ ควรจะเชื่อมกับถนนสายรองหรือถนนสายหลักที่กว้างมากกว่า และควรมีขนส่งมวลชนหลากหลายผ่าน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางของเจ้าของที่ดินเอง |
|
|
|
|
2. แหล่งสถานที่สำคัญ
ในชีวิตประจำวันที่เราดำรงอยู่นั้น สมาชิกในครอบครัวทุกคนต้องพึ่งพาแหล่งสถานที่สำคัญ ซึ่งได้แก่ คลินิก โรงพยาบาล โรงเรียน ศาสนสถาน ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน หรือแม้แต่สถานีตำรวจ สถานีดับเพลิง และที่ทำการของเขต-เทศบาล หากมีสถานที่สำคัญเหล่านี้อยู่ในบริเวณโดยรอบจะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี |
|
|
|
|
3. สภาพแวดล้อม
แน่นอนที่สุดที่เราคงไม่อยากมีบ้านอยู่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรมต่างๆ จนเกินไป จากมลภาวะที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เสียง ฝุ่น อากาศ กลิ่น นอกจากนี้เราคงไม่อยากอยู่ใกล้แหล่งเสื่อมโทรม คลองระบายน้ำเสีย เหล่านี้เป็นต้น ในเรื่องของความปลอดภัยเราควรสังเกตจากบริเวณข้างเคียงว่าสถานีตำรวจและสถานีดับเพลิงห่างไกล หรือ เข้าถึงที่ดินของเราได้โดยสะดวกหรือไม่ หากเกิดเหตุการณ์อันตรายใดๆ |
|
|
|
|
4.ทิศที่ตั้ง
ประเทศไทยมีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น โดยเฉพาะแดดจากดวงอาทิตย์ ถ้าหลีกเลี่ยงหน้าบ้านหรือหน้าที่ดินที่หันไปทางทิศตะวันตกได้จะเป็นการดีที่สุด เพราะหน้าบ้านของท่านจะโดนแดดส่องเข้าตั้งแต่บ่ายจรดเย็นเลย ทำให้บ้านร้อนตลอดบ่าย พอเรากลับเข้าบ้านตอนเย็น บรรยากาศภายในบ้านจะค่อนข้างอึดอัดและรู้สึกไม่สบายตัว
เรื่องลมเย็นที่มาพร้อมกับฝนในฤดูฝนนั้น จะมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ เราต้องออกแบบบ้านให้มีกันสาดกันฝนยื่นเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันการรั่วซึมบริเวณกรอบบานประตูและหน้าต่าง ส่วนกันสาดที่ป้องกันแสงแดดในด้านทิศเหนือ-ใต้ ควรเป็นกันสาดแนวราบ และในด้านทิศตะวันออก-ตะวันตก ควรเป็นกันสาดแนวตั้ง
|
|
|
|
5.ขนาดที่ดิน
ผู้อ่านหลายท่านยังไม่แน่ใจว่า ควรจะซื้อที่ดินขนาดเท่าไหร่ดีที่เหมาะสมกับขนาดบ้านของท่าน โดยท่านต้องทราบก่อนว่าตั้งใจจะปลูกบ้าน 2 ชั้น หรือ 3 ชั้น
กรณีปลูกบ้าน 2 ชั้น ผนังชั้น 2 ทั้ง 4 ด้านของบ้านต้องมีหน้าต่างห่างจากที่ดินทุกด้านไม่น้อยกว่า 2.0 เมตร ดังนั้นหากท่านจะปลูกบ้านกว้าง 8.0 เมตร ลึก 12.0 เมตร เราควรซื้อที่ดินที่มีหน้ากว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร (ที่ว่างข้างซ้าย 2 เมตร + ตัวบ้าน 8 เมตร + ที่ว่างข้างขวา 2 เมตร) และความลึกของที่ดิน ควรลึกไม่น้อยกว่า 16 เมตร (ที่ว่างด้านหน้า 2 เมตร + ตัวบ้าน 12 เมตร + ที่ว่างข้างหลัง 2 เมตร)
กรณีปลูกบ้าน 3 ชั้น ผนังชั้น 3 ทั้ง 4 ด้านของบ้าน ต้องมีหน้าต่าง (หรือขอบนอกของระเบียงชั้น 3) ห่างจากที่ดินข้างเดียวทุกด้านไม่น้อยกว่า 3 เมตร โดยเอาระยะ 3 เมตร ของแต่ละข้างบวกเข้าไปกับตัวบ้านด้วยวิธีเดียวกันกับบ้าน 2 ชั้น กรณีปลูกบ้านขนาด 8 x 12 เมตร ดังนี้
ที่ว่างข้างซ้าย 3 เมตร + ตัวบ้าน 8 เมตร + ที่ว่างข้างขวา 3 เมตร = ที่ดินกว้างน้อยสุด 14 เมตร
ที่ว่างด้านหน้า 3 เมตร + ตัวบ้าน 12 เมตร + ที่ว่างด้านหลัง 3 เมตร = ที่ดินลึกน้อยที่สุด 18 เมตร
ทั้งนี้คิดเฉพาะที่ดินสำหรับตัวบ้านเท่านั้น ยังไม่ได้รวมถึงบริเวณที่ว่าง สวนไม้ ที่จอดรถ และปัจจัยอื่นเช่น ความกว้างถนนหน้าที่ดิน, ที่ดินติดคลอง
เมื่อท่านได้ความกว้างและความลึกของที่ดินโดยคร่าวๆ แล้ว ท่านสามารถคำนวณออกมาเป็นตารางวา ได้โดย
|
|
|
กว้าง (เมตร) x ลึก (เมตร) |
= |
...A... ตารางเมตร |
A (ตารางเมตร) หาร A |
= |
...B... ตารางวา ท่านก็จะทราบได้ว่าที่ดินของท่านควรมีขนาดกี่ตารางวา และหน้ากว้างเท่าใด |
|
หากท่านจะสร้างบ้าน ขอให้ท่านได้ที่ดินตามที่ต้องการครับ
|
|
|
|