เครื่องซักผ้า
เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการซักผ้าให้แห้ง ง่ายและรวดเร็วขึ้น ลักษณะการทำงานของเครื่องธรรมดาทั่วไป คือเปิดวาล์วน้ำให้เข้าเครื่อง นำเสื้อผ้าลงแช่ ใส่ผงซักฟอก เปิดสวิทซ์ตั้งเวลาซักตามที่ต้องการให้เครื่องทำงาน ส่วนใหญ่จะใช้เวลาซักประมาณ 20 นาที เป็นอย่างมาก หลังจากนั้นผู้ซักสามารถนำผ้าไปตากได้เลย และการที่จะใช้เครื่องซักผ้าให้เกิดการประหยัดพลังงานควรปฏิบัติดังนี้
1.แช่ผ้าก่อนเข้าเครื่อง : กรณีซักผ้าแบบธรรมดา ควรแช่ผ้าก่อนนำเข้าเครื่องอย่างน้อย 30 นาที จะทำให้เครื่องซักผ้าทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
2.ซักผ้าตามพิกัดของเครื่อง : จะใช้เครื่องซักผ้าก็ต่อเมื่อมีเสื้อผ้ามากพอเหมาะกับพิกัดและขนาดของ เครื่อง อย่าเดินเครื่องโดยไม่จำเป็น เช่น ซักเสื้อผ้าเพียง 1 -2 ตัวเท่านั้น และอย่าใส่เสื้อผ้าอัดแน่นจนเกินกำลังของเครื่อง
3.ตากผ้ากับแสงอาทิตย์ดีกว่า : ไม่ควรซื้อเครื่องซักผ้าแบบที่มีเครื่องอบแห้งด้วยไฟฟ้า ควรใช้ราวแขวนผ้าตากให้แห้ง เครื่องอบผ้าใช้พลังงานสิ้นเปลืองมาก
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
1.เลือกขนาดหม้อหุงข้าวให้เหมาะสมกับขนาดครอบครัว ถ้าจำนวนสมาชิก 1-2 คนใช้ขนาด 0.3-1 ลิตร ถ้าจำนวนสมาชิก3-6 คนใช้ขนาด 1-1.5 ลิตร ถ้าจำนวนสมาชิก 5-8 คนใช้ขนาด 1.6-2 ลิตร
2.ควรหุงข้าวให้พอดีกับจำนวนผู้รับประทาน
3.ควรถอดปลั๊กออกเมื่อข้าวสุกแล้ว
4.อย่าทำให้ก้นหม้อตัวในเกิดรอยบุบ จะทำให้ข้าวสุกช้า
5.หมั่นตรวจบริเวณแท่นความร้อนในหม้อ อย่าให้เม็ดข้าวเกาะติด จะทำให้ข่าวสุกช้าและเปลืองไฟ
เตารีดไฟฟ้า
เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้ความร้อน ซึ่งในการรีดแต่ละครั้งจะกินไฟมาก ดังนั้นจึงควรรู้จักวิธีใช้อย่างประหยัดและปลอดภัย และการที่จะใช้เตารีดไฟฟ้าให้เกิดการประหยัดพลังงานควรปฏิบัติดังนี้
1.ตั้งปุ่มปรับความร้อนให้เหมาะสมกับชนิดของผ้า
2.ไม่ควรพรมน้ำจนแฉะเวลารีดผ้า เพราะต้องใช้ความร้อนในการรีดมากขึ้น เสียพลังงาน มากขึ้น เสียค่าไฟเพิ่มขึ้น
3.ควรรีดผ้าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็จ
4.ควรเริ่มรีดผ้าบาง ๆ ก่อน ขณะเตารีดยังไม่ร้อน
5.ดึงปลั๊กออกก่อนการรีดเสื้อผ้าเสร็จ ประมาณ 2-3 นาที แล้วรีดต่อไปจนเสร็จ
6.ควรซักและตากผ้าโดยไม่ต้องบิด จะทำให้รีดง่ายขึ้น
7.ลด ละ เลี่ยง การใส่เสื้อสูท เพราะไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อน สิ้นเปลืองการตัด ซัก รีด และความจำเป็นในการเปิดเครื่องปรับอากาศ
กระติกน้ำร้อนหรือกาต้มน้ำไฟฟ้า
เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ประโยชน์ในการต้มน้ำให้ร้อนเพื่อใช้ดื่ม และจัดเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าสูงตัวหนึ่งเช่นเดียวกับ เตารีดไฟฟ้า โดยอาศัยหลักการทำงานเดียวกันคือ ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดความร้อนที่อยู่ภายในอุปกรณ์ แล้วนำความร้อนนั้นไปใช้ประโยชน์
1.ควรเลือกซื้อรุ่นที่มีฉนวนกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพ
2.ใส่น้ำให้พอเหมาะกับความต้องการหรือไม่สูงกว่าระดับที่กำหนดไว้ เพราะนอกจากจะไม่ประหยัดพลังงานแล้ว ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระติกอีกด้วย
3.ถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้น้ำร้อนแล้ว เพื่อลดการสิ้นเปลืองพลังงาน ไม่ควรเสียบปลั๊กตลอดเวลาถ้าไม่ต้องการใช้น้ำแล้ว แต่ถ้าหากมีความต้องการใช้น้ำร้อนเป็นระยะๆ ติดต่อกัน เช่น ในสถานที่ทำงานบางแห่งที่มีน้ำร้อนไว้สำหรับเตรียมเครื่องดื่มต้อนรับแขก ไม่ควรดึงปลั๊กออกบ่อยๆ เพราะทุกครั้งเมื่อดึงปลั๊กออกอุณหภูมิของน้ำจะค่อยๆ ลดลง กระติกน้ำร้อนไม่สามารถเก็บความร้อนได้นาน เมื่อจะใช้งานใหม่ก็ต้องเสียบปลั๊กและเริ่มทำการต้มน้ำใหม่ เป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน
4.ไม่ควรเสียบปลั๊กตลอดเวลา ถ้าไม่ต้องการใช้น้ำร้อนแล้ว
5.อย่านำสิ่งใดๆ มาปิดกั้นช่องไอน้ำออก
6.ไม่ควรตั้งไว้ในห้องที่มีการปรับอากาศ
เพียงประหยัดไฟฟ้าจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ถูกหลักแล้ว ก็สามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่าที่คุณคิด.
|